![]() |
Aquaman (2018) |
Aquaman (2018) อควาแมน เจ้าสมุทรผู้ปกป้องโลกใต้น้ำ
Aquaman (2018) คือหนึ่งในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่จากจักรวาล DC Extended Universe (DCEU) ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ทั้งในด้านรายได้และเสียงตอบรับจากผู้ชมทั่วโลก ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย James Wan ผู้กำกับมากฝีมือจาก The Conjuring และ Fast & Furious 7 นำแสดงโดย Jason Momoa ในบทบาทของ “อาเธอร์ เคอร์รี” หรือที่เรารู้จักกันในนาม “อควาแมน” เจ้าชายแห่งแอตแลนติสที่ต้องยืนหยัดระหว่างสองโลก — โลกมนุษย์และโลกใต้น้ำ
จุดเริ่มต้นของเรื่องราว
เรื่องราวของ Aquaman (2018) เริ่มต้นจากชายชื่อ “โธมัส เคอร์รี” ผู้ดูแลประภาคารริมชายฝั่ง เมืองแอมเนสตีเบย์ เขาได้ช่วยหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่งโดยไม่รู้ว่าเธอคือ “แอตลันนา” ราชินีแห่งอาณาจักรแอตแลนติส ความรักระหว่างคนทั้งสองทำให้เกิดลูกชายชื่อว่า อาเธอร์ เคอร์รี เด็กชายลูกครึ่งที่มีสายเลือดของทั้งโลกมนุษย์และชาวแอตแลนติส
เมื่ออาเธอร์โตขึ้น เขาเริ่มค้นพบว่าตัวเองมีพลังพิเศษ เช่น การหายใจใต้น้ำ การสื่อสารกับสัตว์ทะเล และพละกำลังมหาศาล แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ถูกปฏิเสธจากทั้งสองโลก มนุษย์มองว่าเขาเป็นคนแปลกประหลาด ส่วนชาวแอตแลนติสก็มองว่าเขาเป็นเลือดผสมที่ไม่คู่ควรกับบัลลังก์
สงครามใต้น้ำและภารกิจชิงบัลลังก์
จุดเปลี่ยนของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อ “ออร์ม” (รับบทโดย Patrick Wilson) พี่ชายต่างแม่ของอาเธอร์ และเป็นกษัตริย์แห่งแอตแลนติสในขณะนั้น วางแผนจะรวมกองทัพใต้ท้องทะเลทั้งหมดเพื่อทำสงครามกับโลกมนุษย์ โดยอ้างว่า มนุษย์คือภัยที่ทำลายมหาสมุทรด้วยมลพิษและความโลภ
“เมร่า” (Amber Heard) เจ้าหญิงนักรบจากอาณาจักร Xebel เห็นว่าการทำสงครามจะนำมาซึ่งหายนะ จึงเดินทางขึ้นมาบนบกเพื่อตามหาอาเธอร์ เคอร์รี เพื่อให้เขากลับไปทวงสิทธิ์ในบัลลังก์และหยุดยั้งสงครามครั้งนี้
อาเธอร์ไม่เต็มใจในตอนแรก เพราะไม่เชื่อว่าเขาคู่ควรกับตำแหน่งกษัตริย์ แต่ด้วยความกล้าหาญและความรับผิดชอบ เขาตัดสินใจลงสู่ใต้ทะเลเพื่อต่อสู้กับโชคชะตาของตนเอง
การผจญภัยตามหาตรีศูลในตำนาน
ภารกิจหลักของอาเธอร์และเมร่าคือการตามหาตรีศูลในตำนานของ “กษัตริย์แอตแลน” ซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่มอบอำนาจในการปกครองอาณาจักรทั้งเจ็ดของท้องทะเล ตรีศูลนี้ถูกซ่อนไว้ในดินแดนที่สาบสูญมาช้านาน และผู้ที่คู่ควรเท่านั้นจึงจะสามารถครอบครองได้
การเดินทางครั้งนี้พาเขาทั้งสองผ่านอุปสรรคมากมาย ตั้งแต่การต่อสู้กับสัตว์ประหลาดใต้ทะเล การหลบหนีจากกองทัพของออร์ม และการเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจอย่าง แบล็ค แมนตา (Black Manta) โจรสลัดผู้มีความแค้นลึกกับอควาแมน หลังจากอาเธอร์เคยเป็นเหตุให้พ่อของเขาเสียชีวิต
ในที่สุด อาเธอร์สามารถพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นผู้คู่ควรกับตรีศูลแห่งราชา และปลุกสัตว์ในตำนาน “คาราเธน” ให้มาช่วยต่อสู้เพื่อปกป้องโลกทั้งสอง
ศึกสุดท้ายแห่งแอตแลนติส
ฉากไคลแมกซ์ของเรื่องคือสงครามครั้งใหญ่ระหว่างกองทัพของออร์มกับเหล่าพันธมิตรที่อาเธอร์รวบรวมมาได้ การต่อสู้ใต้น้ำถูกถ่ายทอดด้วยภาพที่อลังการ เต็มไปด้วยสีสัน ความเคลื่อนไหว และเอฟเฟกต์ที่สมจริง
ในที่สุด อาเธอร์ได้ต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับออร์มบนผิวน้ำ โดยใช้ตรีศูลแห่งราชาเข้าปะทะกับตรีศูลของออร์ม การต่อสู้นี้ไม่เพียงเป็นการแย่งชิงบัลลังก์ แต่ยังเป็นการต่อสู้ของสองพี่น้องที่มีมุมมองต่างกันเกี่ยวกับโลก
เมื่อชัยชนะเป็นของอาเธอร์ เขาไม่ได้เลือกที่จะสังหารออร์ม แต่กลับยื่นมือให้อภัยและยอมรับในความเป็นพี่ชายของเขา เป็นการแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของจิตใจมากกว่าพลังอำนาจ
สุดท้าย อาเธอร์ได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นกษัตริย์แห่งแอตแลนติส และกลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และโลกใต้น้ำอย่างแท้จริง
ตัวละครหลักและนักแสดง
ภาพยนตร์ Aquaman มีนักแสดงคุณภาพระดับโลกที่ช่วยถ่ายทอดบทบาทได้อย่างมีชีวิตชีวา ได้แก่
-
Jason Momoa รับบท อาเธอร์ เคอร์รี / อควาแมน
-
Amber Heard รับบท เมร่า
-
Patrick Wilson รับบท ออร์ม / Ocean Master
-
Nicole Kidman รับบท แอตลันนา
-
Willem Dafoe รับบท วัลโก้
-
Yahya Abdul-Mateen II รับบท แบล็ค แมนตา
แต่ละคนมีเอกลักษณ์ชัดเจน โดยเฉพาะ Jason Momoa ที่นำเสนอบุคลิกของอควาแมนให้เป็นฮีโร่ที่เท่ แข็งแกร่ง แต่ก็มีอารมณ์ขันและเสน่ห์ในแบบของตัวเอง จนทำให้ตัวละครนี้กลายเป็นขวัญใจแฟน ๆ ทั่วโลก
จุดเด่นของภาพยนตร์
-
ภาพและงานออกแบบโลกใต้น้ำที่สวยงามตระการตา
James Wan สร้างโลกของแอตแลนติสให้เต็มไปด้วยสีสันและรายละเอียดที่น่าทึ่ง ทั้งสิ่งมีชีวิต พื้นผิวของปะการัง และสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว -
ฉากแอ็กชันที่เข้มข้นและหลากหลาย
ตั้งแต่ฉากต่อสู้ในทะเลทราย ฉากไล่ล่าในอิตาลี ไปจนถึงสงครามใหญ่ใต้ทะเล ทุกฉากถูกออกแบบให้ดูตื่นตาและเข้าใจง่าย ไม่สับสนแม้มีองค์ประกอบมากมาย -
เนื้อหาที่เข้าถึงง่ายและเหมาะกับผู้ชมทุกวัย
แม้จะเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ แต่ Aquaman มีโทนเรื่องที่สนุก มีอารมณ์ขัน และแทรกข้อคิดเกี่ยวกับความกล้าหาญและการยอมรับในตัวเอง -
ดนตรีและเสียงประกอบที่ทรงพลัง
เสียงเพลงประกอบช่วยสร้างอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในฉากต่อสู้และฉากเปิดเผยตรีศูลแห่งราชา ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของตำนานแห่งท้องทะเล
ความสำเร็จและเสียงตอบรับ
หลังจากออกฉายในปี 2018 Aquaman ทำรายได้ทั่วโลกกว่า 1,148 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดในจักรวาล DCEU และยังได้รับคำชมจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชมในหลายประเทศ
ผู้ชมต่างชื่นชมความสดใหม่ของเนื้อเรื่อง ภาพสวยระดับเทพ และเสน่ห์ของ Jason Momoa ที่ทำให้ตัวละครอควาแมนกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่โดดเด่นและแตกต่างจากฮีโร่คนอื่น ๆ ในจักรวาล DC
ข้อคิดจากภาพยนตร์
เบื้องหลังการผจญภัยและสงครามอันยิ่งใหญ่ Aquaman แฝงไปด้วยข้อความเกี่ยวกับ “ความกล้าในการยอมรับตัวเอง” และ “การเลือกที่จะสร้างสมดุลระหว่างโลกสองใบ” อาเธอร์ เคอร์รี ต้องเรียนรู้ที่จะไม่ปฏิเสธความเป็นลูกครึ่ง แต่ใช้จุดนั้นเป็นพลังในการเชื่อมโยงโลกมนุษย์กับโลกใต้น้ำ
นอกจากนี้ยังมีแง่มุมด้านสิ่งแวดล้อม ที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบของมนุษย์ต่อท้องทะเล ซึ่งเป็นประเด็นร่วมสมัยที่ทุกคนควรตระหนัก
บทสรุป
Aquaman (2018) เป็นมากกว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั่วไป เพราะมันรวมเอาองค์ประกอบของตำนานแฟนตาซี การผจญภัย และความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว James Wan ได้สร้างโลกใต้น้ำที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และส่งต่อสารสำคัญเกี่ยวกับการยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง
นี่คือภาพยนตร์ที่ทั้งตื่นตา สนุก และมีจิตวิญญาณของ “ความเป็นฮีโร่” อย่างแท้จริง ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยชุบชีวิตให้กับจักรวาล DC แต่ยังกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมทั่วโลกว่า “แม้เราจะมาจากสองโลกที่ต่างกัน ก็ยังสามารถเป็นหนึ่งเดียวได้ด้วยหัวใจที่กล้าหาญ”