![]() |
The Suicide Squad (2021) |
The Suicide Squad (2021) ทีมพลีชีพมหาวายร้าย 2
ภาพยนตร์แอ็กชันซูเปอร์ฮีโร่สุดระห่ำจากจักรวาล DC ที่กลับมาอีกครั้งภายใต้การกำกับของ James Gunn ผู้เปลี่ยนแนวทางของเรื่องให้เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ดิบ เถื่อน และสนุกแบบไร้ขีดจำกัด The Suicide Squad (2021) เป็นการรีบูตแบบกึ่งต่อเนื่องจากภาคแรกปี 2016 ที่นำเสนอทีมวายร้ายสุดแสบที่ต้องออกปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตายเพื่อโลกอีกครั้ง คราวนี้เรื่องราวเข้มข้นกว่าเดิม เต็มไปด้วยอารมณ์ขันสไตล์มืด ดราม่าที่สะเทือนใจ และฉากต่อสู้ที่จัดเต็มแบบไม่มียั้ง
เรื่องย่อโดยละเอียดเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Amanda Waller (รับบทโดย Viola Davis) ผู้นำองค์กรลับของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้รวบรวมเหล่านักโทษอาชญากรเหนือมนุษย์จากเรือนจำ Belle Reve มาจัดตั้งทีมภารกิจลับ “Task Force X” หรือที่รู้จักกันในชื่อ Suicide Squad เป้าหมายของพวกเขาคือการเดินทางไปยังเกาะสมมุติ Corto Maltese เพื่อทำลายโครงการลับที่รู้จักกันในชื่อ “Project Starfish” ซึ่งเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวขนาดมหึมา ภารกิจนี้มีแต่ความเสี่ยง เพราะหากใครพยายามหลบหนีหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง หัวของพวกเขาจะถูกระเบิดทันทีผ่านชิปที่ฝังอยู่ในร่างกาย ซึ่งทำให้ทุกคนต้องจำใจร่วมมือกัน ทั้งที่ไม่มีใครไว้ใจกันเลย ทีมชุดใหม่นี้ประกอบไปด้วย Bloodsport (Idris Elba) มือปืนผู้มีฝีมือระดับตำนาน, Harley Quinn (Margot Robbie) สาวสุดเพี้ยนผู้มีหัวใจไม่คาดเดา, Peacemaker (John Cena) ฮีโร่ผู้ยอมทำทุกอย่างเพื่อสันติภาพ—even if it means killing everyone, Ratcatcher 2 (Daniela Melchior) หญิงสาวผู้สามารถควบคุมฝูงหนูได้, King Shark ฉลามครึ่งคนจอมกินไม่เลือก (ให้เสียงโดย Sylvester Stallone) และ Polka-Dot Man ชายผู้มีพลังแปลกประหลาดที่สุดในจักรวาล DC เมื่อพวกเขาบุกเข้าไปในฐานลับของรัฐบาลบนเกาะ Corto Maltese เหตุการณ์กลับกลายเป็นหายนะระดับโลก เมื่อพวกเขาพบว่า “Project Starfish” ที่แท้จริงคือสิ่งมีชีวิตต่างดาวโบราณชื่อ Starro the Conqueror มันคือดาวปลาหมึกยักษ์จากอวกาศที่สามารถปล่อยลูกปลาดาวเล็ก ๆ เกาะบนใบหน้ามนุษย์เพื่อควบคุมสมองและเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นหุ่นเชิดของมัน จุดเด่นของภาพยนตร์หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ The Suicide Squad (2021) โดดเด่น คือโทนเรื่องที่ “ไร้กฎเกณฑ์” แบบแท้จริง หนังผสมระหว่างแอ็กชันสุดโหดกับอารมณ์ขันเสียดสีการเมืองและสังคมอย่างแสบสันต์ การตัดต่อรวดเร็ว ฉากสู้เต็มไปด้วยเลือดและพลัง ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกำลังดูการ์ตูนผู้ใหญ่เวอร์ชันมีชีวิตจริง James Gunn ใช้เสน่ห์แบบเดียวกับที่เขาเคยสร้าง Guardians of the Galaxy ให้กลายเป็นตำนาน แต่ในเรื่องนี้เขาปลดปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ได้เต็มที่กว่าเดิม เพราะไม่มีข้อจำกัดของภาพลักษณ์ฮีโร่แบบเดิม ทุกตัวละครมีจุดบกพร่อง มีอดีตที่มืดมน แต่กลับกลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้ผู้ชมรักและเข้าใจพวกเขามากขึ้น การพัฒนาและเบื้องหลังThe Suicide Squad เป็นผลงานที่ DC และ Warner Bros. มอบอิสระเต็มที่ให้ผู้กำกับ James Gunn หลังจากเขาหยุดพักชั่วคราวจาก Marvel หนังถ่ายทำในปี 2019–2020 โดยมีทีมงานใหม่ทั้งหมดและนักแสดงหน้าเก่าบางส่วนกลับมารับบทเดิม เช่น Margot Robbie (Harley Quinn), Joel Kinnaman (Rick Flag), Jai Courtney (Captain Boomerang) และ Viola Davis (Amanda Waller) หนังไม่ได้ต่อเนื่องจากภาคแรกโดยตรง แต่ถือเป็น “การตีความใหม่” ที่เปิดจักรวาลให้กว้างขึ้น สไตล์การเล่าเรื่องที่สดใหม่ ฉับไว และมุ่งเน้นตัวละครมากขึ้น โดยเฉพาะ Bloodsport ที่กลายเป็นหัวใจหลักของทีมแทน Deadshot ธีมหลักและสาระในเรื่องแม้หนังจะเต็มไปด้วยฉากโหดเลือดสาด แต่ในแก่นของเรื่องกลับพูดถึง “การไถ่บาป” และ “การค้นหาความหมายของชีวิต” เหล่าวายร้ายแต่ละคนมีบาปและความผิดพลาดในอดีต แต่ภารกิจครั้งนี้ทำให้พวกเขามีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องเป็นคนเลวตลอดไป เช่น Ratcatcher 2 ที่เป็นตัวแทนของความเมตตาในหมู่วายร้าย เธอเป็นเหมือนหัวใจของทีม ที่ทำให้ทุกคนเห็นค่าของกันและกัน ในขณะที่ Harley Quinn แสดงให้เห็นพลังของอิสรภาพจากอดีตที่เจ็บปวด และ Peacemaker สะท้อนแนวคิดสุดโต่งของ “ความถูกต้อง” ที่กลายเป็นความรุนแรงโดยไม่รู้ตัว การแสดงและงานภาพIdris Elba สวมบท Bloodsport ได้อย่างยอดเยี่ยม ถ่ายทอดความเยือกเย็นและความเจ็บปวดภายในได้อย่างลึกซึ้ง ส่วน Margot Robbie ยังคงเป็นหัวใจของแฟรนไชส์ด้วยพลังและเสน่ห์อันบ้าคลั่งแบบเฉพาะตัว เธอทำให้ Harley Quinn กลายเป็นหนึ่งในตัวละครหญิงที่น่าจดจำที่สุดในจักรวาล DC ด้านงานภาพและการกำกับศิลป์ หนังมีสไตล์จัดจ้าน ฉากต่อสู้ถูกออกแบบอย่างมีศิลปะ เช่น ฉาก Harley หลบหนีจากคุกที่เต็มไปด้วยดอกไม้และเลือด หรือฉากสุดท้ายที่ทีมสู้กับ Starro ที่เต็มไปด้วยสีสันและความโกลาหลแต่สวยงามอย่างประหลาด เสน่ห์ของการเล่าเรื่องJames Gunn ใส่รายละเอียดเล็ก ๆ ที่ทำให้ผู้ชมอยากดูซ้ำ เช่น การใช้เพลงย้อนยุคเข้ากับฉากบู๊สุดมันส์ การเล่าเรื่องผ่านมุมมองตัวละครแต่ละคนที่มีเอกลักษณ์ และการหักมุมที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะตอนท้ายที่ Peacemaker กลายเป็นตัวแปรสำคัญ เปิดทางให้กับซีรีส์ Peacemaker (2022) ที่ออกฉายทาง HBO Max ผลตอบรับและความสำเร็จแม้รายได้ของหนังในช่วงเปิดตัวจะไม่สูงนักเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และการฉายพร้อมกันใน HBO Max แต่คำวิจารณ์กลับยอดเยี่ยม นักวิจารณ์ยกย่องว่าเป็น “หนึ่งในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุดของ DC” เพราะกล้าเล่าเรื่องอย่างอิสระ และให้ความสำคัญกับตัวละครมากกว่าฉากแอ็กชันเพียงอย่างเดียว เว็บไซต์ Rotten Tomatoes ให้คะแนนสูงกว่า 90% และแฟน ๆ หลายคนยกให้เป็นหนัง DC ที่มีเอกลักษณ์และความสนุกมากที่สุดในรอบหลายปี สรุปThe Suicide Squad (2021) ไม่ใช่แค่หนังซูเปอร์ฮีโร่ธรรมดา แต่คือการระเบิดพลังแห่งจินตนาการ การผสมผสานระหว่างความรุนแรง ดราม่า และอารมณ์ขันที่ลงตัว มันแสดงให้เห็นว่าแม้แต่ “วายร้าย” ก็สามารถกลายเป็นฮีโร่ได้ หากพวกเขาเลือกที่จะทำสิ่งถูกต้องในเวลาที่สำคัญที่สุด สำหรับคอหนังสายแอ็กชัน ซูเปอร์ฮีโร่ หรือผู้ที่ชื่นชอบสไตล์การเล่าเรื่องที่แตกต่าง The Suicide Squad (2021) คือภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด เพราะนี่คือการพิสูจน์ว่า “ฮีโร่ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ” และ “ความกล้าของคนบาปบางครั้งก็ช่วยโลกได้มากกว่าความดีจอมปลอม” |