![]() |
| Splitsville (2025) |
Splitsville (2025) รักซ้อนซ่อนร้าว เมืองแห่งการเลิกรา
ในปี 2025 ภาพยนตร์แนวโรแมนติก-คอมเมดี้ที่ทุกคนพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “Splitsville” (2025) ผลงานสุดสร้างสรรค์จากผู้กำกับหญิงชื่อดังที่กล้านำเสนอเรื่องราวความรักในยุคดิจิทัลอย่างแสบสันและเจ็บจี๊ด Splitsville ไม่ใช่เพียงหนังรักธรรมดา แต่เป็นกระจกสะท้อนยุคสมัยที่ความสัมพันธ์ถูกกำหนดด้วยโซเชียลมีเดีย แอปหาคู่ และการเปลี่ยนแปลงของค่านิยมในเรื่อง “การอยู่ด้วยกัน” และ “การจากลา”
เรื่องย่อโดยละเอียด
Splitsville บอกเล่าเรื่องราวของเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อ “Splitsville” — เมืองที่ถูกขนานนามว่า “เมืองหลวงแห่งการเลิกรา” เพราะทุกคู่ที่มาที่นี่จะต้องแยกทางกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ เอมิลี (Emily Carter) หญิงสาวนักเขียนคอนเทนต์วัย 30 ปี ต้องเดินทางมาที่ Splitsville เพื่อเขียนบทความเชิงสารคดีเกี่ยวกับเมืองนี้หลังจากเธอเพิ่งเลิกกับแฟนเก่าที่คบกันมานานถึง 7 ปี เอมิลีต้องการเข้าใจว่า “ทำไมผู้คนถึงเลิกรากันง่ายขึ้นในยุคที่เราสามารถเชื่อมต่อกันได้ทุกที่ทุกเวลา”
เมื่อมาถึง เธอได้พบกับ โคล (Cole Bennett) เจ้าของคาเฟ่ในเมืองที่มีชื่อว่า “The Broken Cup” คาเฟ่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดนัดพบของคนที่เพิ่งอกหัก โคลเคยเป็นนักดนตรีมาก่อนแต่เลิกเล่นเพราะหัวใจแตกสลายจากการสูญเสียคนรักไปอย่างไม่คาดคิด เขากับเอมิลีจึงเริ่มสนิทกันท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นแต่แฝงด้วยความเศร้า
แต่แล้วเมื่อทั้งคู่เริ่มเปิดใจให้กัน เมือง Splitsville กลับเผยความลับบางอย่าง — เมืองนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวธรรมดา แต่มันถูกออกแบบโดยกลุ่มนักจิตวิทยาและนักการตลาดให้กลายเป็น “เมืองทดลองความสัมพันธ์” ที่ใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์พฤติกรรมของคู่รัก เพื่อสร้างสถิติการเลิกราที่สูงที่สุดในโลก
เมื่อเอมิลีรู้ความจริง เธอต้องเลือกระหว่างการเปิดโปงความลับของเมืองเพื่อความถูกต้อง หรือปกป้องความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มต้นของเธอกับโคล
แนวทางของภาพยนตร์
Splitsville (2025) ผสมผสานระหว่าง โรแมนติก คอมเมดี้ และดราม่าเชิงจิตวิทยา ได้อย่างลงตัว หนังเต็มไปด้วยอารมณ์ขันที่ขมขื่น สะท้อนความเป็นจริงของความรักยุคใหม่ที่เปราะบางและซับซ้อน
หนังไม่เพียงเล่าเรื่องของ “คู่รักที่กำลังเลิกรา” แต่ยังพูดถึง ระบบความสัมพันธ์ของมนุษย์ในยุคเทคโนโลยี ที่อัลกอริทึมมีส่วนกำหนดอนาคตของความรักมากกว่าหัวใจของเราเอง
ผู้กำกับและทีมงานเบื้องหลัง
ผลงานนี้กำกับโดย โอลิเวีย ไวลด์ (Olivia Wilde) ผู้กำกับหญิงที่เคยฝากผลงานไว้ใน Booksmart และ Don’t Worry Darling เธอกลับมาครั้งนี้ด้วยโทนหนังที่เติบโตและลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยใช้ Splitsville เป็นฉากแทนโลกยุคปัจจุบันที่ความรักกลายเป็น “โปรเจกต์ชั่วคราว” มากกว่าความสัมพันธ์ถาวร
บทภาพยนตร์เขียนโดย เกรตา เกอร์วิก (Greta Gerwig) ผู้กำกับหญิงชื่อดังจาก Barbie (2023) และ Little Women การร่วมมือของสองผู้หญิงมากฝีมือทำให้หนังเรื่องนี้มีทั้งความขบขันเฉียบแหลมและแง่คิดเชิงสังคมที่ลึกซึ้ง
นักแสดงนำ
-
ฟลอเรนซ์ พิว (Florence Pugh) รับบทเป็น เอมิลี คาร์เตอร์ หญิงสาวหัวใจแกร่งที่พยายามเข้าใจเหตุผลของความรักที่ไม่ยั่งยืน
-
นิโคลัส ฮูลท์ (Nicholas Hoult) รับบทเป็น โคล เบนเน็ตต์ เจ้าของคาเฟ่สุดอบอุ่นที่เก็บงำบาดแผลในอดีต
-
เอ็มมา แม็คกี้ (Emma Mackey) รับบทเป็น ฮันนาห์ เพื่อนสนิทของเอมิลีที่เป็นพอดแคสต์โฮสต์สายจิตวิทยาความรัก
-
แซม ร็อคเวลล์ (Sam Rockwell) รับบทเป็น นายกเทศมนตรีของเมือง Splitsville ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเบื้องหลังลับของเมือง
การแสดงของฟลอเรนซ์และนิโคลัสเป็นหัวใจของเรื่อง ทั้งคู่ถ่ายทอดเคมีระหว่างกันได้อย่างเป็นธรรมชาติและลึกซึ้ง โดยเฉพาะฉากที่ทั้งสองพูดคุยถึง “เหตุผลของการอยู่” และ “เหตุผลของการจากลา” ซึ่งกลายเป็นซีนที่ตราตรึงที่สุดในภาพยนตร์
การถ่ายทำและโปรดักชัน
Splitsville ถูกถ่ายทำในเมืองเล็ก ๆ รัฐแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ บรรยากาศของเมืองถูกออกแบบให้ดูเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความโดดเดี่ยว อาคารสีพาสเทล ต้นไม้เรียงราย และคาเฟ่ริมถนนถูกจัดวางอย่างมีศิลปะ เพื่อสื่อถึงเมืองที่สวยแต่เศร้า
ผู้กำกับภาพคือ Linus Sandgren (จาก La La Land) ที่ใช้โทนแสงอบอุ่นผสมกับแสงเย็นในบางช่วง เพื่อสะท้อนความรู้สึกผันผวนของตัวละคร ดนตรีประกอบโดย Alexandre Desplat ที่ใช้เครื่องดนตรีแนวแจ๊สเบา ๆ ผสมกับเสียงเปียโนและไวโอลิน สร้างอารมณ์โรแมนติกแต่เศร้าลึก
ประเด็นสำคัญของหนัง
ภาพยนตร์ Splitsville ไม่ได้เพียงเล่าเรื่อง “การเลิกรา” เท่านั้น แต่ยังตั้งคำถามกับผู้ชมว่า —
“ความรักที่แท้จริงคือการอยู่ด้วยกัน หรือการยอมปล่อยให้กันไป?”
หนังสะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์ในยุคปัจจุบันกลัวความเหงามากกว่าความเจ็บปวด หลายคนเลือกอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่สุขเพียงเพราะไม่อยากเริ่มใหม่ หนังยังแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี แม้จะช่วยให้เราติดต่อกันง่ายขึ้น แต่ก็ทำให้เรารู้สึก “ห่าง” กันมากกว่าเดิม
ฉากที่โดดเด่น
หนึ่งในฉากที่ผู้ชมกล่าวถึงมากที่สุด คือฉากที่เอมิลีกับโคลนั่งมองดวงอาทิตย์ตกริมทะเลสาบ โดยทั้งคู่พูดประโยคว่า
“บางทีความรักไม่ได้พัง... แค่เราเดินมาถึงทางแยกของมันเท่านั้น”
ฉากนี้สื่อถึงความเข้าใจและการยอมรับอย่างงดงาม ซึ่งกลายเป็นหัวใจของหนังทั้งเรื่อง
อีกฉากหนึ่งที่น่าจดจำคือฉากในคาเฟ่ The Broken Cup ที่เต็มไปด้วยคนแปลกหน้าแต่ทุกคนมีสิ่งหนึ่งเหมือนกัน — “การจากลา” เสียงเพลงอะคูสติกเบา ๆ ดังขึ้นในพื้นหลัง สร้างความรู้สึกอบอุ่นปนเศร้าที่ทำให้คนดูน้ำตาซึม
เสน่ห์ของหนัง Splitsville
-
บทภาพยนตร์เฉียบแหลมและมีสาระ – หนังมีบทสนทนาที่ฉลาดและเรียลสุด ๆ โดยเฉพาะการพูดถึงความสัมพันธ์ยุคใหม่
-
การแสดงคุณภาพระดับรางวัล – Florence Pugh และ Nicholas Hoult ถ่ายทอดอารมณ์อย่างลึกซึ้งจนคนดูเชื่อทุกวินาที
-
ภาพสวยระดับภาพยนตร์อาร์ต – โทนภาพละมุน เหมาะกับคนชอบหนังโรแมนติกแนวอบอุ่นปนเหงา
-
แง่คิดทางสังคม – Splitsville ไม่ได้สอนให้คนรักกันตลอดไป แต่สอนให้รู้จัก “ยอมรับความไม่สมบูรณ์ของความรัก”
การตอบรับจากผู้ชม
หลังจากเข้าฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลหนังโตรอนโต ผู้ชมต่างชื่นชมในความละเอียดอ่อนของเรื่องราว และการกำกับที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยพลัง เว็บไซต์ IMDb ให้คะแนนเฉลี่ย 8.4/10 ขณะที่ Rotten Tomatoes ให้คะแนนนักวิจารณ์ถึง 92% ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับหนังแนวโรแมนติกดราม่า
หลายคนยกให้ Splitsville เป็น “หนังรักที่ดีที่สุดของปี 2025” เพราะมันไม่ได้เพียงทำให้คนดูยิ้ม แต่ยังทำให้กลับมาคิดถึงความสัมพันธ์ของตัวเองหลังจากดูจบ
ข้อคิดจาก Splitsville
Splitsville เป็นหนังที่บอกกับเราว่า “การเลิกราไม่ใช่จุดจบของความรัก” แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตใหม่ของหัวใจ ทุกครั้งที่เราต้องจากลาใครบางคน เราจะได้เรียนรู้ที่จะรักตัวเองมากขึ้น และเข้าใจว่าความรักแท้จริงไม่ได้อยู่ที่การครอบครอง แต่อยู่ที่การให้โอกาสตัวเองมีความสุขอีกครั้ง
สรุป
Splitsville (2025) เป็นภาพยนตร์ที่อบอุ่นแต่เศร้า ลึกซึ้งแต่เรียบง่าย เหมาะสำหรับทุกคนที่เคยผ่าน “การเลิกรา” หรือกำลังตั้งคำถามกับความรักในยุคปัจจุบัน หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณยิ้ม น้ำตาคลอ และอาจทำให้คุณอยากโทรหาใครบางคนที่เคยอยู่ในหัวใจ

